รวม 6 วิธีแก้นอนกรนด้วยเครื่องช่วยนอนกรน และการรักษาแบบไม่ผ่าตัด

รวมวิธีแก้นอนกรน

แก้อาการนอนกรน สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหานอนกรนหรือโรคนอนกรน มักมีอาการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ซึ่งการหยุดหายใจขณะหลับ เป็นประจำ อาจส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เช่น อารมณ์แปรปรวนง่าย ง่วงนอนมากระหว่างวัน ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง การรักษาอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับจึงไม่ควรถูกละเลย สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาปัญหาเหล่านี้ ในปัจจุบันมีหลายวิธีแก้นอนกรนให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษานอนกรน หรือการรักษาภาวะนอนกรนแบบไม่ผ่าตัด เช่น เครื่องช่วยนอนกรน CPAP เครื่องช่วยลดการนอนกรน iNAP การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ทั้งนี้แต่ละวิธีแก้นอนกรน จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแต่ละบุคคล หากต้องการรักษากรนต้องทราบว่าเรากรนอยู่ในระดับใด

นอนกรนเกิดจาก

นอนกรน เกิดจากอะไร

การนอนกรนเกิดจาก การหายใจผ่านระบบทางเดินหายใจแคบลงในขณะที่เรานอนหลับ ซึ่งสาเหตุมาจากการอุดกั้นของกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในช่องปาก ทำให้ช่องลมมีพื้นที่แคบลง เกิดการหย่อนตัวและสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณด้านหลังหลอดลม เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน ลิ้นไก่ จนสุดท้ายเกิดเป็น เสียงกรน

อันตรายจากนอนกรน

ระดับความรุนแรงและอันตรายของภาวะนอนกรน

ระดับความรุนแรงและอันตรายจากภาวะนอนกรน สามารถแบ่งได้ 3 ระดับ ดังนี้

ความรุนแรงระดับ 1 คือ อาการนอนกรนทั่วไป มีเสียงไม่ดังมาก และเกิดขึ้นไม่บ่อย สำหรับภาวะนอนกรนในระดับนี้ยังไม่ร้ายแรง หรือส่งผลอันตรายต่อการหยุดหายใจขณะหลับ

ความรุนแรงระดับ 2 คือ ภาวะนอนกรนที่เกิดขึ้นบ่อย โดยเราพบว่าเรานอนกรนมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งการนอนกรนในระดับที่ 2 สามารถส่งผลต่อการหายใจขณะนอนหลับได้ในระดับน้อยถึงปานกลาง ผู้ที่มีอาการนอนกรนในระดับนี้จะรู้สึกง่วงและเหนื่อยในเวลากลางวัน

ความรุนแรงระดับ 3 คือ อาการนอนกรนขั้นรุนแรง การนอนกรนเกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน และมีเสียงดังมาก การนอนกรนในระดับที่ 3 จัดเป็นภาวะนอนกรนที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะทำให้เกิดการหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงสมองขาดออกซิเจนขณะหลับด้วย เนื่องจากระบบทางเดินหายใจของผู้ที่อยู่ในภาวะนี้จะถูกปิดกั้นอย่างต่อเนื่องขณะนอนหลับ

หยุดหายใจขณะหลับคือ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คืออะไร

การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ โดยมีลักษณะอาการ คือ หยุดหายใจหรือหายใจตื้นขณะนอนหลับ อาการหยุดหายใจ หายใจตื้นระหว่างหลับ อาจเกิดขึ้นชั่วคราวเพียงไม่กี่วินาทีหรืออาจยาวนานจนถึงนาที สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้มากถึง 30 ครั้งขึ้นไปต่อชั่วโมง

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับมี 3 ประเภท ได้แก่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) และภาวะหยุดหายใจขณะหลับส่วนกลาง (CSA) อาการหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เกิดจากการอุดกั้นทางกายภาพของทางเดินหายใจ เช่น การหย่อนตัวของกระดูกขากรรไกรและเนื้อเยื่อบริเวณด้านหลังหลอดลม ส่วนภาวะหยุดหายใจขณะหลับส่วนกลาง เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับการส่งสัญญาณของสมองไปยังกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ ทำให้สมองขาดออกซิเจน และประเภทสุดท้าย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบผสม (Mixed Sleep Apnea) เป็นการหยุดหายใจที่เกิดขึ้นจากสาเหตุของสมองส่วนกลาง และการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจร่วมกัน

ผู้ที่ประสบปัญหาหยุดหายใจขณะหลับจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกหายใจแรง อ่อนเพลีย และไม่สดชื่น เพราะตลอดช่วงเวลานอนหลับ มีการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับหลายครั้ง

สัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สามารถสังเกตได้ดังนี้

• กรนเสียงดัง กรนบ่อยมากกว่า 3 คืน / สัปดาห์

• หายใจหอบหรือสำลักระหว่างหลับ

• เหนื่อยหรืออ่อนล้าระหว่างวัน

• ผล็อยหลับ หรือรู้สึกง่วงนอนมากในเวลากลางวัน

• หลับยาก นอนหลับไม่สนิท

• ปวดศีรษะหลังจากตื่นนอนตอนเช้า

• รู้สึกซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน และหงุดหงิดง่าย

• หลงลืมบ่อย ความจำไม่ดี ไม่ค่อยมีสมาธิ

อาการหยุดหายใจขณะหลับ อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคไหลตาย และอาการซึมเศร้า หากเริ่มสงสัยว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ซึ่งในปัจจุบันมีหลายแนวทางสำหรับการรักษาภาวะนี้ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การใช้เครื่องช่วยลดการนอนกรน (CPAP) หรือ อุปกรณ์แก้นอนกรนต่างๆ เป็นต้น

การรักษานอนกรน

แนวทางการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ผู้ที่มีภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ ไม่ควรมองข้ามปัญหาสุขภาพการนอน เพราะการหยุดหายใจขณะหลับเป็นเรื่องอันตราย สามารถทำให้เกิดโรคร้ายแรง สมองขาดออกซิเจนขณะหลับ จนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้วิธีแก้นอนกรนและรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแต่ละบุคคล ดังนี้

ใช้เครื่องมือทันตกรรมสำหรับแก้นอนกรน (Oral Appliance) สำหรับแนวทางการรักษานี้เหมาะกับผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบไม่อันตราย (หยุดหายใจขณะหลับเล็กน้อยถึงปานกลาง) ผู้ที่ไม่ต้องการรักษาภาวะนอนกรนด้วยการผ่าตัด รวมถึงผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ ซึ่งการรักษาโดยใช้อุปกรณ์ทันตกรรมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเมื่อเทียบกับเครื่องแก้นอนกรนอัดอากาศ CPAP ถือว่ามีข้อดีกว่า คือ มีขนาดเล็กกว่า สวมใส่ง่าย พกพาสะดวก อย่างไรก็ตามในช่วงแรกผู้สวมใส่อาจรู้สึกเมื่อยกรามและขากรรไกรได้

ใช้คลื่นความถี่วิทยุ RF (Radio Frequency) เป็นการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับโดยใช้คลื่นความถี่วิทยุจี้บริเวณโคนลิ้น หรือใช้คลื่นความถี่วิทยุในการรักษาเยื่อบุจมูกบวมหรืออักเสบ สำหรับขั้นตอนการรักษา แพทย์จะใส่เครื่องมือที่เป็นเหมือนเข็มชนิดพิเศษจี้บริเวณที่เป็นต้นตอของปัญหา ซึ่งวิธีการรักษานี้เหมาะกับผู้ที่นอนกรนเสียงดังและมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่รุนแรง เช่น มีอาการสะดุ้งตื่นกลางดึก นอนเยอะแต่ยังรู้สึกง่วง อ่อนเพลีย ง่วงนอนในเวลางาน รู้สึกไม่สดชื่น เป็นต้น

เครื่องช่วยนอนกรน iNAP เป็นเครื่องแก้นอนกรนที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) สามารถหลับสบายยิ่งขึ้น ซึ่งความแตกต่างระหว่างเครื่องช่วยนอนกรน iNAP กับเครื่องช่วยลดการนอนกรน CPAP คือ การใช้เครื่องช่วยนอนกรน หรือเครื่อง iNAP ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากครอบใบหน้า ใส่สบาย ขนาดกะทัดรัด สะดวกต่อการพกพา และไร้เสียงรบกวนคนที่นอนข้าง ๆ ส่วนเครื่องช่วยหายใจ cpap ต้องใส่หน้ากากครอบ อาจเกิดความไม่สบายในการนอนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล

บำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยวิธีนี้เป็นแนวทางที่แพทย์เฉพาะทางส่วนใหญ่แนะนำ เพราะเป็นนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับการวางของตำแหน่งลิ้น การฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจให้แข็งแรง ทั้งนี้เพื่อลดการหย่อนของอวัยวะที่อาจนำไปสู่ปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจ

ฝังพิลลาร์ (Pillar) สำหรับแนวทางการรักษานี้นิยมทำเพื่อรักษาอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับในระดับที่ไม่รุนแรง โดยแพทย์จะสอดแท่งเล็ก ๆ 3 แท่ง ซึ่งทำมาจากโพลิเอสเตอร์นุ่ม เข้าไปในเพดานอ่อน พิลลาร์ทำหน้าที่ช่วยลดการสั่นสะเทือน หรือการสะบัดตัวของเพดานอ่อน และพยุงไม่ให้เพดานอ่อนในปากปิดทางเดินหายใจ

ใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก CPAP (Positive Airway Pressure Therapy) เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง ซึ่งเข้าข่ายเป็นอาการนอนกรนแบบอันตราย ซึ่งเครื่องช่วยนอนกรน CPAP เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจเปิดโล่งมากขึ้น ปัจจุบันเครื่องแก้นอนกรน CPAP หรือเครื่องช่วยหายใจตอนนอน ถือว่าเป็นเครื่องช่วยนอนกรนที่ได้รับมาตรฐานสากล และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีหลักการทำงาน คือ การใช้แรงดันลม เพื่อเป่าทางจมูกหรือปากผ่านคอหอยและโคนลิ้นไปยังกล่องเสียงก่อนที่จะลงไปที่ปอด แรงดันลมจะเข้าไปช่วยขยายทางเดินหายใจ ไม่ให้เกิดการอุดกั้นจากการหย่อนตัวของอวัยวะภายในขณะนอนหลับ

วิธีการใช้เครื่องช่วยนอนกรน CPAP

ผู้ที่มีภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับ ต้องได้รับการทดสอบการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อให้แพทย์ประเมินระดับความรุนแรงของอาการหยุดหายใจขณะหลับ และตั้งค่าการใช้งานเครื่องช่วยนอนกรน CPAP ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เนื่องจากมีความต้องการแรงดันลมเพื่อถ่างขยายช่องทางเดินหายใจไม่เท่ากัน ทั้งนี้ควรทดลองสวมหน้ากากครอบจมูกที่เข้ากับใบหน้า ใส่แล้วรู้สึกสบายที่สุด ขั้นต้นแพทย์แนะนำให้เริ่มจากการใช้หน้ากากแบบครอบจมูก (Nasal Mask) ก่อน

การรักษาด้วยเครื่องแก้นอนกรน อัดอากาศแรงดันบวก CPAP ผู้ที่มีภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับควรใช้เครื่องช่วยลดการนอนกรนเป็นประจำ เนื่องจากอาจต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับการสวมหน้ากากระหว่างนอนหลับ โดยส่วนใหญ่จะปรับตัวได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ นอกจากนี้การติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้แน่ใจว่าผลการรักษาดีขึ้นมากน้อยเท่าไร จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาหรือไม่ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

Scroll to Top