
การฝังพิลลาร์ (Pillar) เข้าไปในเพดานอ่อน เพื่อรักษาอาการนอนกรน
การฝังพิลลาร์ (Pillar) เข้าไปในเพดานอ่อน เป็นการรักษาที่นิยมทำในการรักษา อาการนอนกรน (Snoring) และ/หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Obstructive sleep apnea) ที่เป็นไม่มาก โดยสอดแท่งเล็กๆ 3 แท่ง (ขนาดยาว 1.8 เซนติเมตร และกว้าง 2 มิลลิเมตร) ซึ่งทำมาจากวัสดุโพลิเอสเตอร์อันอ่อนนุ่ม ที่ใช้เป็นวัสดุทางการแพทย์ชนิดที่สามารถสอดใส่ในร่างกายมนุษย์ได้อย่างถาวร ฝังเข้าไปในเพดานอ่อนในปาก (ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก) ด้วยเครื่องมือที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรักษาโรคนอนกรน โดยไม่ได้ตัดหรือทำลายเนื้อเยื่อของเพดานอ่อน พิลลาร์จะช่วยลดการสั่นสะเทือน หรือการสะบัดตัวของเพดานอ่อน และพยุงไม่ให้เพดานอ่อนในปากปิดทางเดินหายใจได้โดยง่าย และเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อเยื่อของเพดานอ่อน รอบๆ จะตอบสนองต่อแท่งพิลลาร์ โดยการเกิดพังผืด (Fibrosis) ช่วยเพิ่มความแข็งแรง สมบูรณ์ทางด้านโครงสร้างของเพดานอ่อนในปากมากขึ้น ทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น หายใจได้สะดวกขึ้น และอาการนอนกรนลดน้อยลง โดยไม่รบกวนการพูด, การกลืน หรือการทำงานปกติของเพดานอ่อน วัสดุที่ใช้ทำพิลลาร์นี้ ถูกนำไปใช้ในวงการแพทย์มานานหลายปี จนมั่นใจในความปลอดภัย อีกทั้งผู้ใส่จะไม่รู้สึกรำคาญในขณะที่กลืนหรือสนทนา หลังการรักษา คนไข้สามารถรับประทานอาหาร และทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ วิธีการรักษาแบบนี้ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา และมีภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ที่มีโรคนอนกรนน้อยมาก
จากการวิจัยในผู้ป่วยที่เป็นโรคนอนกรนส่วนใหญ่จะพบว่าการนอนกรนลดลงอย่างชัดเจน ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีการฝังพิลลาร์ (Pillar) เข้าไปในเพดานอ่อน คือมีอาการปวดและเจ็บแผลน้อยกว่า การการรักษานอนกรนด้วยแสงเลเซอร์หรือคลื่นความถี่วิทยุ การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและลิ้นไก่ การใช้สารเคมีฉีดบริเวณเพดานอ่อน การผ่าตัดตกแต่งกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณเพดานอ่อนลิ้นไก่ผนังคอหอยให้ตึงและกระชับขึ้น (Uvulopalatopharyngoplasty : UPPP) เนื่องจากเป็นเพียงการสอดแท่งเล็กๆ เข้าไปในเพดานอ่อน ไม่ได้ตัดหรือทำลายเนื้อเยื่อของเพดานอ่อน จึงทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบๆ น้อยกว่าการรักษาจะเสร็จสมบูรณ์ในครั้งเดียวและใช้เวลาไม่นานในการทำ การรักษาอาการกรนโดยใช้พิลลาร์จะได้ผลในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจระดับเพดานอ่อนเท่านั้น เช่น เพดานอ่อนยาวกว่าปกติ ผู้ป่วยที่เพดานอ่อนมีความยาวไม่มาก เช่น น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร หรือผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ไม่ควรใช้วิธีนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนอื่นร่วมด้วย เช่น จมูก หรือโคนลิ้นร่วมด้วย อาจทำให้ผลการรักษา คนนอนกรนโดยใช้พิลลาร์อย่างเดียวไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรมากนัก นอกจากจะให้การรักษาจุดอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนอื่นๆ ดังกล่าวร่วมด้วย วิธีนี้สามารถทำได้โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยที่รักษานอนกรนจึงไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล วิธีนี้ง่ายในการรักษาอาการกรน ผลข้างเคียงน้อยและได้ผลลัพธ์ที่ดี การรักษาชนิดนี้เป็นการทำผ่านทางช่องปาก แพทย์จะใส่เครื่องมือทางช่องปาก ผู้ป่วยจึงไม่มีบาดแผลใดๆ ที่มองเห็นได้จากภายนอก การผ่าตัดชนิดนี้ควรทำเมื่อผู้ป่วยมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่เป็นหวัดหรือมีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน
การเตรียมตัวก่อนรักษา
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนอนกรน รักษาด้วยการรักษาด้วยวิธีการฝังพิลลาร์ (Pillar) เข้าไปในเพดานอ่อน ควรจะรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เช่น พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันไข้หวัดหรือการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้ต้องเลื่อนการรักษา สำหรับผู้ป่วยที่นอนกรนในบางรายที่ต้องรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ต้องหยุดยาก่อนผ่าตัดหลายวัน ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความพร้อมของผู้ป่วยก่อน ซึ่งบางครั้งอาจต้องตรวจเลือดหรือตรวจร่างกาย ๆ เพิ่มเติม แล้วแต่ความจำเป็น ถ้าไม่มีปัญหาใดก็สามารถทำการรักษาวิธีนี้ได้เลย
ก่อนฝังพิลลาร์
การผ่าตัดชนิดนี้สามารถทำได้โดยโดยการใช้ยาชาเฉพาะที่ แพทย์จะตรวจความสมบูรณ์ของร่างกายผู้ป่วยที่นอนกรนก่อนผ่าตัด เช่น การตรวจเลือด ผู้ป่วยสามารถมาโรงพยาบาลวันที่นัดทำผ่าตัดได้เลย การใช้ยาชาเฉพาะที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ใจสั่น หน้ามืด เป็นลม หูอื้อ แต่อาการเหล่านี้มักหายได้เอง

หลังฝังพิลลาร์
- ผู้ป่วยจะมีแผลที่เพดานอ่อน อาจมีอาการเจ็บคอ กลืนอาหารหรือน้ำลายลำบากจากแผลผ่าตัดเพียงเล็กน้อย ทำให้รับประทานไม่ค่อยสะดวก อาจมีน้ำลายปนเลือดออกมาได้บ้าง
- ผู้ป่วยอาจจะมีไข้ หรือมีอาการบวม หรือรู้สึกติดๆ ขัดๆ ตึงๆ คล้ายมีสิ่งแปลกปลอมบริเวณคอ หรือมีเสียงเปลี่ยนได้ ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
- หลังฝังพิลลาร์1 – 2 วันแรก เพดานอ่อน อาจเกิดอาการบวมมากขึ้นได้ ทำให้หายใจอึดอัด ไม่สะดวก ทำให้อาการนอนกรนมากขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรนอนให้ระดับศีรษะสูง โดยใช้หมอนหนุน หรือนอนบนที่นอนที่สามารถปรับความสูงได้ อมและประคบน้ำแข็งบ่อยๆ ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อลดอาการบวมในบริเวณที่ทำผ่าตัด
- ผู้ป่วยที่รักษาโรคนอนกรนจะได้รับยาแก้อักเสบ (ยาต้านจุลชีพ) ยาแก้ปวด ยาลดบวม และยากลั้วคอ ผู้ป่วยควรจะรับประทานยาดังกล่าวให้หมด ไม่ว่าอาการจะดีขึ้นหรือไม่ก็ตาม ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เมื่อจำเป็นได้
- ควรหลีกเลี่ยงการขากเสมหะแรงๆ การล้วงคอ หรือแปรงฟันเข้าไปในช่องปากลึกเกินไป การออกแรงมาก การเล่นกีฬาที่หักโหม หรือยกของหนักหลังผ่าตัดภายใน 24 – 48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้มีเลือดออกจากแผลในช่องปากได้ ถ้ามีเลือดออกจากช่องปาก ควรนอนพัก ยกศีรษะสูง อมน้ำแข็งในปาก นำน้ำแข็งหรือ Cold pack มาประคบบริเวณหน้าผากหรือคอ เพื่อให้เลือดหยุด การประคบหรืออมน้ำแข็งควรประคบ หรืออมประมาณ 10 นาที แล้วจึงเอาออกประมาณ 10 นาที แล้วค่อยประคบหรืออมใหม่เป็นเวลา 10 นาที ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อยๆ ถ้าเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
- ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก หรือข้าวต้ม ไม่ควรรับประทานอาหารที่แข็งหรือร้อน และอาหารรสเผ็ดหรือจัดเกินไปอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังทำการฝังพิลลาร์เพื่อแก้นอนกรน อาหารที่รับประทานหลังผ่าตัด ควรเป็นอาหารเหลวที่เย็น หรือไอศกรีม นอกจากนั้นควรกลั้วคอ ทำความสะอาดบ่อยๆ และแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
- ส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ภายใน 1-2 วันหลังผ่าตัด โดยปกติ หลังผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ แผลจะหายเป็นปกติ ผลของการรักษาดังกล่าวจะเห็นชัดเจนภายใน 6 – 12 สัปดาห์ ผู้ป่วยที่อยากจะเอาแท่งพิลลาร์ ออกหลังจากใส่ไปได้สักระยะหนึ่งแล้วก็สามารถทำได้

ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดจากการผ่าตัดฝังพิลลาร์ ได้แก่ เลือดออกจากแผลผ่าตัด แผลผ่าตัดติดเชื้อ ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจจากการบวมของเนื้อเยื่อรอบๆ บริเวณผ่าตัด การหลุดออกมาของแท่งพิลลาร์ จากเพดานอ่อน ซึ่งอาจหลุดหรือโผล่ออกมาบางส่วน หรือทั้งหมด อาจสำลักลงหลอดลมหรือลงไปในหลอดอาหารได้ แต่พบได้น้อย ผู้ป่วยที่รักษาการกรนด้วยวิธีนี้สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัดโดยไม่ต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล ในรายที่แพทย์สามารถเห็นแท่งพิลลาร์ หลังจากใส่ในเพดานอ่อนแล้ว (ทั้งจากการมองเห็นโดยตรง หรือจากการส่องกล้องเข้าไปดูด้านหลังของเพดานอ่อน) แสดงว่าแท่งพิลลาร์อยู่ตื้นเกินไป แพทย์อาจต้องเอาแท่งพิลลาร์นั้นออก แล้วใส่ในตำแหน่งใหม่ให้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จะมีการหลุดของแท่งพิลลาร์ ออกมานอกเพดานอ่อนได้ (Extrusions of implant) การนัดตรวจหลังออกจากโรงพยาบาล แพทย์จะนัดมาดูแผล ประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำการผ่าตัด