หัวข้อย่อย
เชื่อเลยว่าหลายคนที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้กำลังเผชิญกับปัญหาการ นอนไม่หลับ กันอยู่แน่ ซึ่งในปัจจุบันก็มองว่าคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะยุคสมัยเปลี่ยนการใช้ชีวิตก็เปลี่ยน เจอทั้งการทำงานที่กดดันและสิ่งเร้าที่ทำให้ตัวเราไม่มีความสุข จึงส่งผลให้มีอาการนอนไม่หลับ ทั้งในวัยเรียน วัยทำงาน และวัยชรา แต่อาการนอนไม่หลับเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดโรคร้ายตามมาในอนาคตได้ ดังนั้นหากใครที่กำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ควรรีบหา วิธีทำให้นอนหลับ ตามเวลาที่ควรจะเข้านอน แต่ถ้าใครที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังแก้ยังไงก็ไม่หาย ขอแนะนำให้เข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำ sleep test ตรวจการนอนหลับหาแนวทางรักษาต่อไป
นอนไม่หลับ คืออะไร
โรคนอนไม่หลับ เป็นอาการผิดปกติของการนอนที่มีลักษณะ นอนหลับยาก หลับไม่สนิท หรือคุณภาพการนอนไม่ดี ทั้งๆ ที่มีโอกาสหลับได้ ผู้ที่มีอาการ นอนไม่หลับ มักจะรายงานว่ารู้สึกไม่พึงพอใจกับการนอนหลับของตนเอง และอาจมีอาการเหนื่อยล้า พลังงานต่ำ อารมณ์แปรปรวน และการทำงานในเวลากลางวันบกพร่อง
อาการนอนไม่หลับ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
อาการนอนไม่หลับเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ และมักเกิดขึ้นจากปัจจัยด้านสถานการณ์ต่างๆ เช่น ความเครียด การเดินทาง หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในการนอน โดยปกติแล้วอาการจะหายไปเองโดยไม่ต้องมีการรักษาเฉพาะเจาะจงใดๆ เมื่อมีการระบุสาเหตุที่แท้จริงแล้ว
อาการนอนไม่หลับเรื้อรัง อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น อาการปวดเรื้อรังหรือความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ความผิดปกติของสุขภาพจิต การใช้สารเสพติดหรือยาบางชนิด เวลานอน ที่ผิดปกติ หรือนิสัยการนอนที่ไม่ดี ใช้เวลานานกว่าและมักจะซับซ้อนกว่า อาจจำเป็นที่จะต้องเข้าทำการรักษา
อ่านเพิ่มเติม
นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ แถมปวดหัวหลังตื่นนอนตรวจ sleep test ที่ไหนดี
นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวหลังตื่นนอน พบได้บ่อยและอาจมีสาเหตุหลายประการไม่เพียงแค่ นอนไม่พอ แต่อาการปวดหัวเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและระยะเวลา
สาเหตุของอาการนอนไม่หลับ
อาการ นอนไม่หลับ อาจมีสาเหตุและปัจจัยหลายประการ เช่น
- ความวิตกกังวล ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และสภาวะสุขภาพจิตอื่นๆ
- เวลานอน ที่ไม่สม่ำเสมอ การงีบหลับมากเกินไป การทำกิจกรรมกระตุ้นก่อนเข้านอน
- อาการปวดเรื้อรัง ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ และความไม่สมดุลของฮอร์โมน เช่น วัยหมดประจำเดือน ไทรอยด์ ความผิดปกติ
- ยาบางชนิด เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า และยาที่มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
- เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติดจำพวกนิโคติน
- เสียง แสง อุณหภูมิที่ร้อนจัด และเตียงหรือหมอนที่ไม่สบายสามารถรบกวนการนอนและมีส่วนทำให้นอนไม่หลับได้
- การทำงานเป็นกะ และอาการ Jet Lag
- อายุที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับเสี่ยงโรคร้าย ส่งผลต่อสุขภาพ
การ นอนไม่หลับ อาจมีความเสี่ยงหลายประการและส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ดังต่อไปนี้
- ส่งผลต่อความสนใจ สมาธิ การตัดสินใจ และความสามารถในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เวลาในการตอบสนอง และวิจารณญาณลดลง
- ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้คนติดเชื้อ เจ็บป่วย และฟื้นตัวได้ช้าลง
- ปัญหาความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของปัญหาหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน และการรบกวนการเผาผลาญกลูโคส เนื่องจากความผิดปกติทางเมตาบอลิซึม
อ่านเพิ่มเติม
ตรวจสุขภาพการนอนหลับ (Sleep test)
ทำ Sleep Test (Sleep apnea test) ตรวจการนอนหลับ ทดสอบการนอนหลับ การนอนกรน วินิจฉัยและประเมินระดับความรุนแรงของโรคภาวะหยุดหายใจชนิดอุดกั้น
ควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน
ปริมาณการนอนหลับที่ต้องการอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงอายุ ความแตกต่างของแต่ละบุคคล และสุขภาพโดยรวม
- ทารกแรกเกิด (0-3 เดือน): 14-17 ชั่วโมงต่อวัน รวมการงีบหลับ
- ทารก (4-11 เดือน): 12-15 ชั่วโมงต่อวัน รวมการงีบหลับ
- เด็กวัยหัดเดิน (1-2 ปี): 11-14 ชั่วโมงต่อวัน รวมการงีบหลับ
- เด็กก่อนวัยเรียน (3-5 ปี): 10-13 ชั่วโมงต่อวัน รวมการงีบหลับ
- เด็กวัยเรียน (6-13 ปี): 9-11 ชั่วโมงต่อวัน
- วัยรุ่น (14-17 ปี): 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
- คนหนุ่มสาวและผู้ใหญ่ (18-64 ปี): 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
- ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป): 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
วิธีรักษาอาการนอนไม่หลับ
หากคุณกำลังประสบปัญหาการนอนไม่หลับ ต่อไปนี้คือ วิธีทำให้นอนหลับ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้การนอนของคุณดีขึ้น
- พยายามเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์
- สร้างกิจวัตรประจำก่อนนอนเพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว ซึ่งอาจรวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ การอาบน้ำอุ่น การฝึกออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลาย หรือฟังเพลง
- สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการนอนหลับ ห้องนอนของคุณจำเป็นที่จะต้องเงียบสงบ มืด มีอากาศที่เย็นสบาย ที่นอน หมอน และเครื่องนอนของคุณสบายและรองรับสรีระได้ดี
- แสงสีน้ำเงินที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์สามารถรบกวนการนอนหลับได้ หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน
- หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น บริโภคคาเฟอีน ในกาแฟ ชา ช็อกโกแลต โซดาบางชนิด และนิโคติน
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก อาหารรสจัด และของเหลวที่มากเกินไปใกล้กับเวลานอน เพราะอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและรบกวนการนอนได้
- ทำกิจกรรมลดความเครียด เช่น การฝึกหายใจลึกๆ ทำสมาธิ หรือเขียนบันทึกก่อนนอน ลองเขียนลงไปเพื่อช่วยให้จิตใจของคุณปลอดโปร่ง
- การบำบัดเฉพาะทางที่สามารถช่วยจัดการกับความคิด พฤติกรรม และรูปแบบพื้นฐานที่มีส่วนทำให้เกิด โรคนอนไม่หลับ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงนิสัยการนอน การจัดการความเครียด และส่งเสริมการผ่อนคลาย
- การตรวจการนอนหลับ sleep test จะช่วยให้เราทราบถึงความผิดปกติขณะที่นอนหลับ ซึ่งอาจมีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ
อ่านเพิ่มเติม
| 4 ท่าบริหาร แก้อาการ “นอนไม่หลับ”
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นแนวทางทั่วไปที่ช่วยให้บรรเทาอาการนอนไม่หลับหรือ นอนหลับยาก แต่ก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป บางคนอาจต้องการการนอนหลับมากขึ้นหรือน้อยลงเล็กน้อยเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับสัญญาณของร่างกายคุณเองและปรับระยะเวลาการนอนหลับให้เหมาะสม คุณภาพของการนอนหลับก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและไม่ถูกรบกวน เพื่อให้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น