
- โรคใหลตายคืออันตรายเงียบในขณะหลับและวิธีป้องกันที่คุณต้อง
- ความหมายของโรคใหลตาย
- ลักษณะของโรคใหลตาย
- สาเหตุของโรคใหลตาย
- โรคใหลตายและความเกี่ยวข้องกับอาการนอนกรน
- อาการนอนกรนเกี่ยวข้องอย่างไรกับโรคใหลตาย?
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)
- วิธีการรักษาและป้องกันโรคใหลตาย
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคใหลตาย
โรคใหลตายคืออันตรายเงียบในขณะหลับและวิธีป้องกันที่คุณต้องรู้
โรคใหลตาย หรือที่เรียกในวงการแพทย์ว่า Sudden Unexpected Nocturnal Death Syndrome (SUNDS) เป็นปัญหาสุขภาพที่สร้างความสูญเสียอย่างมากให้กับครอบครัว เนื่องจากคนที่ดูเหมือนปกติก็สามารถเสียชีวิตในขณะหลับได้ โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับโรคใหลตาย สาเหตุ วิธีการป้องกัน และความเกี่ยวข้องกับอาการนอนกรน
ความหมายของโรคใหลตาย
โรคใหลตายคืออะไร? คำว่า “ใหลตาย” หมายถึงการเสียชีวิตกะทันหันในช่วงเวลาที่นอนหลับอยู่โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ในหลายกรณีพบว่า คนที่เสียชีวิตไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังมีปัญหาอยู่เลย ทำให้เกิดคำถามมากมายในครอบครัวของคนที่เสียชีวิต
ลักษณะของโรคใหลตาย
โรคใหลตายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน อาการนี้มักมีลักษณะที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่กลับส่งผลถึงชีวิตอย่างฉับพลันและรุนแรง
- ช่วงเวลาที่เกิด
โรคใหลตายมักเกิดขึ้นในช่วงกลางดึกหรือใกล้รุ่ง เป็นช่วงเวลาที่ระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ จากการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองและการหายใจขณะนอนหลับ - กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
โรคนี้มักจะพบมากในผู้ชายวัยทำงานช่วงอายุ 30-50 ปี เป็นวัยที่มีความเครียดสะสมจากการทำงาน มักจะไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพ มองข้ามอาการผิดปกติ เช่น อาการนอนกรนหรือความเหนื่อยล้าจากการทำงาน - ความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
มีหลักฐานที่ว่าโรคใหลตายอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางพันธุกรรม โดยในกรณีที่คนในครอบครัวเคยเสียชีวิตอย่างกระทันหันในลักษณะเดียวกัน และมักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ ทำให้เกิดการเต้นผิดจังหวะจนหัวใจหยุดเต้นในที่สุด - ความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ
โรคใหลตายยังมีความสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apneas หรือ OSA) มาพร้อมกับอาการนอนกรนอย่างรุนแรง สัญญาณเตือนถึงภาวะเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคใหลตาย
- ลักษณะอาการนำ
ในบางคนอาจมีอาการที่ไม่ชัดเจน เช่น นอนฝันร้ายบ่อย จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับที่หน้าอก หรือรู้สึกอ่อนเพลียหลังตื่นนอน ทั้งที่พักผ่อนเต็มที่แล้วก็ตาม อาการเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา จึงมองข้ามและไม่ได้รับการตรวจ - ผลกระทบจากการใช้ชีวิต
พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคใหลตาย ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการอดนอนบ่อยครั้ง เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการหยุดหายใจขณะหลับและการทำงานผิดปกติของระบบหัวใจ
สาเหตุของโรคใหลตาย
โรคใหลตายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในขณะหลับ โดยสาเหตุที่แท้จริงของโรคยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด แต่ก็มีหลายปัจจัยที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคใหลตาย แบ่งออกได้ ดังนี้
- ความผิดปกติของระบบหัวใจ
สาเหตุหลักของโรคใหลตายคือ ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ (Cardiac Electrical Abnormalities) โดยเฉพาะภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Brugada Syndrome หรือ Long QT Syndrome หัวใจส่งกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติในขณะหลับ และอาจนำไปสู่การหยุดเต้นของหัวใจในที่สุด - การหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)
คนที่เป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคใหลตายสูง เพราะจากการหยุดหายใจในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง หากเกิดซ้ำบ่อย ๆ ครั้งจะเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในขณะหลับ - ปัจจัยทางพันธุกรรม
มีหลักฐานว่าพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคใหลตาย โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีประวัติสมาชิกเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นอย่างฉับพลัน โรคใหลตายจึงอาจสืบทอดผ่านทางยีนที่ผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำงานของหัวใจและระบบประสาท - ความเครียดและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ความเครียดสะสม การอดนอน และการพักผ่อนไม่เพียงพอสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคใหลตายได้ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้หัวใจและระบบประสาททำงานหนักเกินไป นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติดยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเต้นหัวใจผิดจังหวะ - การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยเจริญพันธุ์หรือวัยทำงาน อาจส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้บางคนมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคใหลตาย โดยเฉพาะในกลุ่มเพศชายที่มักมีระดับฮอร์โมนเพศชายสูง - การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ (Myocarditis)
การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจที่อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน - การบริโภคอาหารหรือยา
อาหารบางอย่างมีผลต่อการกระตุ้นระบบประสาท เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง หรือการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจเพิ่มโอกาสการเกิดโรคใหลตายได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว

โรคใหลตายและความเกี่ยวข้องกับอาการนอนกรน
อาการนอนกรนเกี่ยวข้องอย่างไรกับโรคใหลตาย?
อานอนกรนเป็นหนึ่งในอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาการหายใจขณะหลับ หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดโรคใหลตาย
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)
การหยุดหายใจชั่วขณะในระหว่างการนอนหลับ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและหัวใจต้องทำงานหนัก หากไม่ได้รับการรักษา อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคใหลตาย
วิธีการรักษาและป้องกันโรคใหลตาย
- การตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
VitalSleep Clinic ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น
การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่ VitalSleep Clinic ช่วยให้การตรวจการนอนหลับง่ายขึ้นด้วยบริการ Home Sleep Test ที่สามารถทำได้จากที่บ้านของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ไม่ต้องเดินทางไกล อยู่ต่างจังหวัดก็ตรวจได้ สะดวกสบายและปลอดภัย
- การใช้เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance Therapy)
VitalSleep Clinic มีการใช้เครื่องมือในช่องปาก เช่น ASA (Adjustable Snoring Appliance) เพื่อช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดการนอนกรน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคใหลตาย และโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ - การบำบัดกล้ามเนื้อช่องปาก Myofunctional Therapy
การฝึกกายภาพบำบัดสำหรับกล้ามเนื้อช่องปากและลิ้นช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ เพื่อลดการยุบตัวของทางเดินหายใจในขณะหลับ - การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพ
แพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญของ VitalSleep Clinic จะแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น- การลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
- เลิกสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นการหยุดหายใจขณะหลับได้
- การจัดตารางการนอน เพื่อให้การนอนหลับมีคุณภาพ
- การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Therapy)
การรักษา นอนกรนด้วยคลื่นความถี่วิทยุเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดความตึงตัวของเนื้อเยื่อในลำคอ โดยเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด - การรักษานอนกรนด้วยเลเซอร์
การรักษา นอนกรนด้วยเลเซอร์ช่วยลดการสั่นของเนื้อเยื่อในลำคอและลดการนอนกรน - การร้อยไหมรักษานอนกรน
ช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น เห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาวิธีแก้นอนกรนที่สะดวกและปลอดภัย - การใช้เครื่องช่วยหายใจ
หากพบว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ที่ VitalSleep Clinic มีเครื่องมือช่วยหายใจที่เหมาะสม เช่น CPAP ที่ช่วยรักษาการหยุดหายใจขณะหลับและเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด - การรักษานอนกรนด้วยวิธีการผ่าตัด
การผ่าตัดปรับโครงสร้างทางเดินหายใจ (Maxillomandibular Advancement Surgery) สำหรับในคนที่มีปัญหาโครงสร้างทางเดินหายใจผิดปกติ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคใหลตาย
- โรคใหลตายสามารถป้องกันได้ไหม?
สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพ ตรวจวินิจฉัย และรักษาอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น อาการนอนกรน
- การนอนกรนทุกคืน อันตรายหรือไม่?
ไม่เสมอไป แต่หากมีอาการกรนดังมากหรือหยุดหายใจ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
- การใช้เครื่อง CPAP ช่วยลดความเสี่ยงได้ยังไง?
เครื่อง CPAP ช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดภาวะขาดออกซิเจน และลดโอกาสการเสียชีวิตในระหว่างการนอน
- มีการรักษาแบบอื่นที่ไม่ต้องใช้เครื่อง CPAP ไหม?
ที่ VitalSleep Clinic มีการรักษานอนกรนอื่น ๆ เช่น การบำบัดกล้ามเนื้อช่องปาก Myofunctional Therapy, เครื่องมือทันตกรรม, การร้อยไหมและเลเซฮร์ เป็นต้น
บทสรุป
โรคใหลตายอาจเป็นเรื่องที่ดูน่ากลัว แต่ด้วยความรู้และการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะนี้ได้ การเฝ้าสังเกตอาการ การตรวจสุขภาพ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยจากโรคใหลตาย