โรคใหลตาย อันตรายเงียบในขณะหลับและวิธีป้องกันที่คุณต้องรู้

โรคใหลตายคืออันตรายเงียบในขณะหลับและวิธีป้องกันที่คุณต้องรู้

โรคใหลตายคืออันตรายเงียบในขณะหลับและวิธีป้องกันที่คุณต้องรู้

โรคใหลตาย หรือที่เรียกในวงการแพทย์ว่า Sudden Unexpected Nocturnal Death Syndrome (SUNDS) เป็นปัญหาสุขภาพที่สร้างความสูญเสียอย่างมากให้กับครอบครัว  เนื่องจากคนที่ดูเหมือนปกติก็สามารถเสียชีวิตในขณะหลับได้ โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับโรคใหลตาย สาเหตุ วิธีการป้องกัน และความเกี่ยวข้องกับอาการนอนกรน

ความหมายของโรคใหลตาย

โรคใหลตายคืออะไร? คำว่า “ใหลตาย” หมายถึงการเสียชีวิตกะทันหันในช่วงเวลาที่นอนหลับอยู่โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ในหลายกรณีพบว่า คนที่เสียชีวิตไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังมีปัญหาอยู่เลย ทำให้เกิดคำถามมากมายในครอบครัวของคนที่เสียชีวิต

ลักษณะของโรคใหลตาย

โรคใหลตายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน อาการนี้มักมีลักษณะที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่กลับส่งผลถึงชีวิตอย่างฉับพลันและรุนแรง

  1. ช่วงเวลาที่เกิด
    โรคใหลตายมักเกิดขึ้นในช่วงกลางดึกหรือใกล้รุ่ง เป็นช่วงเวลาที่ระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ จากการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองและการหายใจขณะนอนหลับ
  2. กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
    โรคนี้มักจะพบมากในผู้ชายวัยทำงานช่วงอายุ 30-50 ปี เป็นวัยที่มีความเครียดสะสมจากการทำงาน มักจะไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพ มองข้ามอาการผิดปกติ เช่น อาการนอนกรนหรือความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
  3. ความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
    มีหลักฐานที่ว่าโรคใหลตายอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางพันธุกรรม โดยในกรณีที่คนในครอบครัวเคยเสียชีวิตอย่างกระทันหันในลักษณะเดียวกัน และมักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ ทำให้เกิดการเต้นผิดจังหวะจนหัวใจหยุดเต้นในที่สุด
  4. ความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ
    โรคใหลตายยังมีความสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apneas หรือ OSA) มาพร้อมกับอาการนอนกรนอย่างรุนแรง สัญญาณเตือนถึงภาวะเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคใหลตาย
  1. ลักษณะอาการนำ
    ในบางคนอาจมีอาการที่ไม่ชัดเจน เช่น นอนฝันร้ายบ่อย จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับที่หน้าอก หรือรู้สึกอ่อนเพลียหลังตื่นนอน ทั้งที่พักผ่อนเต็มที่แล้วก็ตาม อาการเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา จึงมองข้ามและไม่ได้รับการตรวจ
  2. ผลกระทบจากการใช้ชีวิต
    พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคใหลตาย ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการอดนอนบ่อยครั้ง เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการหยุดหายใจขณะหลับและการทำงานผิดปกติของระบบหัวใจ

สาเหตุของโรคใหลตาย

โรคใหลตายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในขณะหลับ โดยสาเหตุที่แท้จริงของโรคยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด แต่ก็มีหลายปัจจัยที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคใหลตาย แบ่งออกได้ ดังนี้

  1. ความผิดปกติของระบบหัวใจ
    สาเหตุหลักของโรคใหลตายคือ ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ (Cardiac Electrical Abnormalities) โดยเฉพาะภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Brugada Syndrome หรือ Long QT Syndrome หัวใจส่งกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติในขณะหลับ และอาจนำไปสู่การหยุดเต้นของหัวใจในที่สุด
  2. การหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea)
    คนที่เป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคใหลตายสูง เพราะจากการหยุดหายใจในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง หากเกิดซ้ำบ่อย ๆ ครั้งจะเพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในขณะหลับ
  3. ปัจจัยทางพันธุกรรม
    มีหลักฐานว่าพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคใหลตาย โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีประวัติสมาชิกเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นอย่างฉับพลัน โรคใหลตายจึงอาจสืบทอดผ่านทางยีนที่ผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำงานของหัวใจและระบบประสาท
  4. ความเครียดและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
    ความเครียดสะสม การอดนอน และการพักผ่อนไม่เพียงพอสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคใหลตายได้ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้หัวใจและระบบประสาททำงานหนักเกินไป นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติดยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเต้นหัวใจผิดจังหวะ
  5. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยเจริญพันธุ์หรือวัยทำงาน อาจส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้บางคนมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคใหลตาย โดยเฉพาะในกลุ่มเพศชายที่มักมีระดับฮอร์โมนเพศชายสูง
  6. การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ (Myocarditis)
    การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจที่อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
  7. การบริโภคอาหารหรือยา
    อาหารบางอย่างมีผลต่อการกระตุ้นระบบประสาท เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง หรือการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจเพิ่มโอกาสการเกิดโรคใหลตายได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว
โรคใหลตายคืออันตรายเงียบในขณะหลับและวิธีป้องกันที่คุณต้องรู้

โรคใหลตายและความเกี่ยวข้องกับอาการนอนกรน

อาการนอนกรนเกี่ยวข้องอย่างไรกับโรคใหลตาย?

อานอนกรนเป็นหนึ่งในอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาการหายใจขณะหลับ หากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเพิ่มโอกาสเกิดโรคใหลตาย

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)

การหยุดหายใจชั่วขณะในระหว่างการนอนหลับ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและหัวใจต้องทำงานหนัก หากไม่ได้รับการรักษา อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคใหลตาย

วิธีการรักษาและป้องกันโรคใหลตาย

  1. การตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

VitalSleep Clinic ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่ VitalSleep Clinic ช่วยให้การตรวจการนอนหลับง่ายขึ้นด้วยบริการ Home Sleep Test ที่สามารถทำได้จากที่บ้านของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ไม่ต้องเดินทางไกล อยู่ต่างจังหวัดก็ตรวจได้ สะดวกสบายและปลอดภัย

  1. การใช้เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance Therapy)
    VitalSleep Clinic มีการใช้เครื่องมือในช่องปาก เช่น ASA (Adjustable Snoring Appliance) เพื่อช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดการนอนกรน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคใหลตาย และโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้
  2. การบำบัดกล้ามเนื้อช่องปาก Myofunctional Therapy
    การฝึกกายภาพบำบัดสำหรับกล้ามเนื้อช่องปากและลิ้นช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ เพื่อลดการยุบตัวของทางเดินหายใจในขณะหลับ
  3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพ
    แพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญของ VitalSleep Clinic จะแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยง เช่น
    • การลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
    • เลิกสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นการหยุดหายใจขณะหลับได้
    • การจัดตารางการนอน เพื่อให้การนอนหลับมีคุณภาพ
  4. การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Therapy)
    การรักษา นอนกรนด้วยคลื่นความถี่วิทยุเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดความตึงตัวของเนื้อเยื่อในลำคอ โดยเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด
  5. การรักษานอนกรนด้วยเลเซอร์
    การรักษา นอนกรนด้วยเลเซอร์ช่วยลดการสั่นของเนื้อเยื่อในลำคอและลดการนอนกรน
  6. การร้อยไหมรักษานอนกรน
    ช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น เห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาวิธีแก้นอนกรนที่สะดวกและปลอดภัย
  7. การใช้เครื่องช่วยหายใจ
    หากพบว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ที่ VitalSleep Clinic มีเครื่องมือช่วยหายใจที่เหมาะสม เช่น CPAP ที่ช่วยรักษาการหยุดหายใจขณะหลับและเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด
  8. การรักษานอนกรนด้วยวิธีการผ่าตัด
    การผ่าตัดปรับโครงสร้างทางเดินหายใจ (Maxillomandibular Advancement Surgery) สำหรับในคนที่มีปัญหาโครงสร้างทางเดินหายใจผิดปกติ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคใหลตาย

  1. โรคใหลตายสามารถป้องกันได้ไหม?

สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพ ตรวจวินิจฉัย และรักษาอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น อาการนอนกรน

  1. การนอนกรนทุกคืน อันตรายหรือไม่?

ไม่เสมอไป แต่หากมีอาการกรนดังมากหรือหยุดหายใจ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

  1. การใช้เครื่อง CPAP ช่วยลดความเสี่ยงได้ยังไง?

เครื่อง CPAP ช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดภาวะขาดออกซิเจน และลดโอกาสการเสียชีวิตในระหว่างการนอน

  1. มีการรักษาแบบอื่นที่ไม่ต้องใช้เครื่อง CPAP ไหม?

ที่ VitalSleep Clinic มีการรักษานอนกรนอื่น ๆ เช่น การบำบัดกล้ามเนื้อช่องปาก Myofunctional Therapy, เครื่องมือทันตกรรม, การร้อยไหมและเลเซฮร์ เป็นต้น

บทสรุป

โรคใหลตายอาจเป็นเรื่องที่ดูน่ากลัว แต่ด้วยความรู้และการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะนี้ได้ การเฝ้าสังเกตอาการ การตรวจสุขภาพ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยจากโรคใหลตาย

Scroll to Top